เครื่องดนตรีถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศนั้น หากไม่นับเครื่องดนตรีสากลที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น กีตาร์ กลอง เบส ไวโอลิน เปียโน ฯลฯ ยังมีเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีกมากมายที่ให้เสียงไพเราะไม่แพ้กัน เครื่องดนตรีพื้นบ้านไทยมีมากมายตามลักษณะภูมิภาคของประเทศ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นต่างก็มีเอกลักษณ์ทั้งด้านรูปร่าง เสียง จังหวะด้วย แคน เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานที่รู้จักกันไปทั่วประเทศ
เรื่องราวเกี่ยวกับแคน
แคนเป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่า ชนิดหนึ่ง แคนถือว่าเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านของชาวอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ของประเทศไทย ไม่เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น เลยขึ้นไปอย่าง สปป.ลาว แคนก็เป็นเครื่องดนตรีประจำชาติ จนนับว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติลาวไปอีกด้วย แคนนั้นตามประวัติไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่าใครเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา รวมถึงชื่อด้วย
ลักษณะของแคน
แคนนั้นเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์มาก แค่มองเห็นตอนแรกก็จะรู้เลยว่า นี่คือแคน รูปร่างหน้าตาของแคนจะเป็นเหมือนการเอาไม้ท่อนขนาดเล็กมาประกอบกันเป็นคู่โดยไล่เรียงระดับความสูงต่ำลงไป ตรงกลางจะมีเต้าเป็นตัวประสานไม้ทั้งหมดเอาไว้ให้ไม่หลุดออกจากนั้น บริเวณปลายเต้าด้านหนึ่งจะปิดรูเอาไว้ ส่วนอีกด้านจะเป็นรูเพื่อให้ดูลมเข้าออกให้เกิดเสียง
ประเภทของแคน
แคนนั้นมีลักษณะภายนอกเหมือนกัน แต่แยกย่อยลงไปแตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่แคนหก เป็นแคนสำหรับผู้ฝึกหัด เป็นของที่ระลึกมากกว่าจะเป็นเครื่องดนตรีเล่นจริงจัง ตัวแคนจะนับตามจำนวนคู่ไม้ที่ประกบกัน แคนเจ็ด แคนตัวนี้จะพัฒนาเรื่องเสียงขึ้นมาให้เป็นมาตรฐานดนตรีสากล มีครบทุกโน้ต 7 เสียง สามแคนแปดจะใหญ่กว่าแคนเจ็ด มีช่องเสียงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพิ่มคู่เสียงสูงขึ้นจุดเด่นของแคนแปดจะเอาไปใช้ในการเล่นเพลงพื้นเมือง ส่วนแคนเก้า และ แคนสิบ จะเป็นแคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะทางมีการเพิ่มจำนวนช่องเสียงให้มากขึ้น ทั้งการเพิ่มเสียงสูง และ เสียงต่ำ แต่การเล่นจะยากขึ้นตามไปด้วยทำให้ความนิยมน้อยลงจนหาคนเล่นได้ยากมาก
เสียงเศร้า ผสม เสียงสนุกสนาน
เพราะเหตุใด แคนจึงเป็นเครื่องดนตรีที่มีความนิยมอย่างมากของวัฒนธรรมอีสาน เรื่องเสียงน่าจะเป็นคำตอบที่ดีและชัดเจนมากที่สุด เสียงแคนเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่แสดงออกในอารมณ์เศร้า อารมณ์เหงา คิดถึงบ้าง เสียงแคนก็ให้ได้ หรือ จะเป็นเสียงที่ตื่นเต้น เร็ว รัว จังหวะต่อเนื่องเพื่อให้คนฟังรู้สึกสนุกสนาน จนต้องลุกขึ้นมาฟ้อนรำให้สนุกสนานกันไป เราจึงเห็นแคนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมความสนุกของชาวอีสานอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการนำแคนไปผสมกับการเล่นดนตรีพื้นบ้านอย่าง โปงลางอีกด้วย
ฝึกเล่นง่าย แต่ช่ำชองไม่ง่าย
การเล่นแคนเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นง่ายมาก ใช้การเป่าดูดลมเข้าออก แล้วไล่นิ้วระดับเสียงตามกันไปเพื่อให้ออกมาเป็นตัวโน้ตและจังหวะตามที่ต้องการ แต่ความยากของแคนก็คือ การเล่นให้เข้าขั้นเก่ง ออกงานได้ จนถึงขั้นคนเรียกว่า หมอแคนนั้น ไม่ง่ายเลย เพราะว่าคนจะเป็นหมอแคนได้นั้นจะต้องฝึกฝนร่างกายอย่างดี สามารถกลั้นลมหายใจได้นานแบบไม่เหนื่อย บางคนระหว่างที่เป่าแคน จะต้องมีการโยกตัวตามจังหวะเพื่อให้เกิดความสนุกสนานขึ้นอีก ทำให้สนุกได้แบบเสียงไม่เพี้ยนเก็บโน้ตได้ครบร่างกายต้องดีจริง
ความนิยมของแคนทำให้มันได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมดนตรีชาวอีสานไปแล้ว (ลองดูจากหนังละครที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตชาวอีสานต้องมีแคนเสมอ) เสียงของแคนมันเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนชาวอีสานได้ดีจริงๆ ใครที่ไม่เคยฟังดนตรีเสียงแคน ลองไปหาฟังกันได้จากยูทูป