เสียงทุ้มอันไพเราะและจับใจ


วันนี้เราจะมาพูดถึงเครื่องดนตรีที่มีเสียงดังทุ้มและก้องกังวาน เครื่องดนตรีประเภทนี้มีตั้งตั้งยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนคริสต์ศักราชประมาณกว่า 400 ปี เริ่มต้นจากชาวชนเผ่ากลุ่มหนึ่งได้มีการนำหนังแกะมาดึงกับไม้ให้ตึง จากนั้นนำไม้หรือมือมาตีให้เกิดเสียงและได้ลองใช้หนังสัตว์ประเภทต่างๆ เช่นเสือ สิงโต กวาง แรดและวัว
เสียงของหนังเสือนั้นจะให้เสียงที่ดังแต่ไม่ก้องกังวานและไม่มีความนุ่นนวลของเสียงสักนิดเลย
เสียงของหนังสิงโตให้เสียงที่คงที่แต่ไม่ดังสักเท่าไหร่
เสียงของหนังกวางให้เสียงที่นุ่มนวลแต่เสียงของหนังกวางจะไม่คงที่และเบาอีกด้วย
เสียงของหนังแรดจะได้เสียงที่สูงจนเกิดไปและทุ้มมากเกินไปจึงทำให้ไม่เหมาะต่อการทำเครื่องดนตรีประเภทกลอง
เสียงของหนังวัวให้เสียงที่ดังสนั่นก้องกังวานมากผสมกับเสียที่นุ่มนวลไปพร้อมกัน ถ้าอยากจะได้เสียงระดับไหนขึ้นอยู่กับแรงที่คนคนนั้นตีลงไป
กลองก็ได้พัฒนาการมาเรื่อยและเปลี่ยนรูปแบบไปตามกาลเวลา มีกลองมากมายที่เกิดขึ้นบนโลก เพราะการดัดแปลงของมนุษย์ยุคหลังๆ แต่ล่ะประเทศจะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองไม่มากก็น้อยและจะใช้หนังของสัตว์ที่แตกต่างกันออกไปด้วย
มีคนได้แยกเครื่องดนตรีชนิดนี้ว่า เครื่องดนตรีประเภทเครื่องหนัง มีจำนวนกลองมากมาย เช่น กลองยาว กลองมาลายู

กลองสองหน้า กลองแขก กลองชนะ โทน กลองเบส ไหซอง รำมะนา เปิงมาง ตะโพน กลองมอญ กลองชาตรี กลองทัด
และบัณเฑาะว์ ที่ไว้สำหรับใช้มือตีหรืออวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายก็แล้วแต่ ล้วนให้เสียงที่นุ่มนวลดั่งใจสั่งได้เสมอ
ทุกๆวันนี้ที่ภาคอีสานยังมีกลองยาวอยู่ เพราะต้องใช้ในงานพิธีแห่ขันหมากเพื่อไปสู่ของเจ้าสาวที่ห่างออกไปหมู่บ้านหนึ่ง